บทที่3 รูปแบบการเชื่อมโยงเครือข่าย

ลักษณะการเชื่อมโยงเครือข่าย
*การเชื่อมโยงเครือข่ายแบบจุดต่อจุด
  คือเป็นการเชื่อมโยง คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่ายเข้าด้วยกันแบบจุดต่อจุคอมพิวเตอร์    และอุปกรณ์ทุกๆ ตัว มีสายหรือสื่อส่งข้อมูลต่อเฉพาะโดยมีเส้นทางเพียง 1 เส้นเท่านั้นโดย          เชื่อมในการทำงานและมีเครื่องปลายทางเชื่อมต่อ

 ข้อดี
  - มีความเร็วในการสื่อสารข้อมูลสูง
   - โปรแกรมที่ใช้ในการควบคุมการสื่อสารก็เป็นแบบพื้นฐานไม่ซับซ้อน
   - การเชื่อมต่อแบบจุดทำให้เราสามารถแยกหรือระบุเครื่องหรือสายที่เสียหายได้ทันที
   - ระบบเครือข่ายมีความปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัวเพราะส่งสารแค่ระหว่างเครื่อง

ข้อเสีย
 - จำนวนสายที่ใช้ต้องมีจำนวนมากและอินพุด/เอาต์พุตพอร์ตต้องใช้มากทำให้การติดตั้งหรือ        แก้ไขระบบทำได้ยาก
  - ไม่เหมาะกับเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่

*การเชื่อมโยงเครือข่ายแบบหลายจุด
  คือ การเชื่อมโยงเครือข่ายที่ใช้เส้นทางหรือลิงก์เพื่อการสื่อสารร่วมกันสามารถสื่อสาร               ระหว่างกันได้ด้วยการใช้ลิงก์หรือสายสื่อสารเพียงเส้นเดียว

ข้อดี
 - ประหยัดสายส่งข้อมูล
 - สามารภเพิ่มการเชื่อมต่อสายส่งได้ทันที

ข้อเสีย
 - หากสายขาดจะมีผลกระทบต่อการเชื่อมต่อ
 - ไม่เหมาะกับการส่งข้อมูลหลายๆข้อมูลหรือมากๆ


รูปแบบการเชื่อมโยงเครือข่าย
1.) โทโปโลยีแบบบัส (Bus Topology)
      คือ ลักษณะการทำงานคือ อุปกรณ์ทุกชิ้นหรือโหนดทุกโหนด ในเครือข่ายจะต้องเชื่อม                     โยงเข้ากับสายสื่อสารหลักที่เรียกว่า”บัส” (BUS) เมื่อโหนดหนึ่งต้องการจะส่งข้อมูลไป                 ให้ยังอีกโหนด

     ข้อดี
- สามารถเพิ่มอุปกรณ์ชิ้นใหม่เข้าไปในเครือข่ายได้ง่าย
- ใช้สายส่งข้อมูลน้อยและมีรูปแบบที่ง่ายในการติดตั้ง
   ข้อเสีย
- ถ้าสถานีกลางเกิดเสียขึ้นมาจะทำให้ทั้งระบบทำงานไม่ได้


2.) เทโปโลยีแบบดาว (Star Topology)
      คือ การเชื่อมโยงการติดต่อสื่อสารโดยมีสถานีกลางหรือฮับ (Hub) เป็นจุดผ่านการติดต่อ                 กันระหว่างทุกโหนดในเครือข่าย

     ข้อดี
- การติดตั้งเครือข่ายและการดูแลรักษาทำ ได้ง่าย

- เกิดความเสียหายก็สามารถตรวจสอบได้ง่าย

    ข้อเสีย

- ถ้าสถานีกลางเกิดเสียขึ้นมาจะทำให้ทั้งระบบทำงานไม่ได้

3.)โทโพโลยีแบบวงแหวน (Ring Topology)

     คือ เป็นการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากันเป็นวงกลม ข้อมูลข่าวสารจะถูกส่ง จากโหนดหนึ่งไปยังอีกโหนดหนึ่ง วนอยู่ในเครือข่ายไปใน ทิศทางเดียวเหมือนวงแหวน

   ข้อดี

- การส่งข้อมูลสามารถส่งไปยังผู้รับหลาย ๆ โหนดพร้อมกันได้

- การส่งข้อมูลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จึงไม่มีการชนกันของสัญญาณข้อมูล

   ข้อเสีย

- ถ้ามีโหนดใดโหนดหนึ่งเกิดเสียหาย ข้อมูลจะไม่สามารถส่งผ่านไปยังโหนดต่อไปได้

คำถามท้ายบทที่2

คำถามท้ายบทที่2

• ช่องทางการสื่อสารและส่วนประกอบของเครือข่าย

1.) Optical fiber หรือ ใยแก้วนำแสงมีข้อดีอย่างไร
        ก. ส่งข้อมูลได้ความเร็วสูง
        ข. ไม่มีการรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
        ค. ราคาถูก
        ง. ถูกทั้งก.และข.

2.)  องค์ประกอบของสายโคแอกเชียลมีอะไรบ้าง
      ก. ลวดทองแดงและสายหุ้ม
      ข. ลวดทองแดงฉนวนหุ้มและเปลืกนอก
      ค. ลวดทองแดงและเปลือกนอก
      ง.ไม่มีข้อใดถูก

3) สายคู่บิดเกลียวมีกี่ชนิด
     ก.1
     ข.3
     ค.2
     ง.4

4.) ข้อใดคือคุณภาพของOptical fiber หรือ ใยแก้วนำแสง
    ก. ส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง
    ข.ติดตั้งงง่ายมาก
    ค. สายชำรุดยาก
    ง.ถูกทั้งข.และค.

5.) วัตถุประสงค์ในการสร้างดาวเทียมคืออะไร
    ก. เพื่อนำมาโชว์ด้านเทคโนโลยี
    ข. สร้างเล่นๆ
    ค. เพื่อเป็นสถานีรับและทวนสัยญาณแนวโคจรโลก
    ง. ไม่มีข้อใดถูก

6.) ข้อดีของบลูทูธ (Bluetooth) มีข้อใดถูกต้อง
    ก. คลื่นความถี่สามารถส่งผ่านวัตถุหรือสิ่งกีดขวางได้
    ข. เชื่อมสัญญาณได้ไกล
    ค. สัญญาณความเร็วไม่มีสดุดแม้ว่าจะเชื่อมกันหลายๆจุด
    ง. ถูกทั้งข.และค. 

7.) ข้อดีของคลื่นวิทยุ (Radio Wave) มีข้อใดถูกต้อง
    ก.ส่งสัญญาณได้ไกล
    ข.ไม่มีคลื่นรบกวน
    ค. ติดตั้งง่ายและราคาถูก
    ง. ถูกทุกข้อ

8.) แสงอินฟราเรด (Infrared) มีอีกชื่อเรียกว่าอะไร
    ก. แสงโสม
    ข. คลื่นความถี่สั้น
    ค. คลื่นคัลเลอร์
    ง. แสงจันทร์ความเร็วสูง

9.) ข้อเสียของดาวเทียม คืออะไร
   ก. ส่งสัญญาณช้า 
   ข. คุณภาพไม่ดี
   ค. อาจถูกรบกวนจากสภาพอากาศ
   ง. ถูกทุกข้อ

10.) ข้อเสียของสายโคเอกเชียล คืออะไร
   ก. ถูกรบกวนง่าย
   ข. ติดตั้งยาก
   ค. ไม่มีความยืดหยุ่น
   ง. ราคาแพง


















เฉลยคำถามท้ายบทที่2
1. ก. ส่งข้อมูลได้ความเร็วสูง
2. ข. ลวดทองแดงฉนวนหุ้มและเปลืกนอก
3. ค.2
4. ก. ส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง

5. ค. เพื่อเป็นสถานีรับและทวนสัยญาณแนวโคจรโลก

6. ก. คลื่นความถี่สามารถส่งผ่านวัตถุหรือสิ่งกีดขวางได้

7. ก.ส่งสัญญาณได้ไกล

8. ข. คลื่นความถี่สั้น

9. ค. อาจถูกรบกวนจากสภาพอากาศ

10. ก. ถูกรบกวนง่าย

บทที่2 ช่องทางการสื่อสารและส่วนประกอบของเครือข่าย

    

    สื่อกลางส่งข้อมูลแบบใช้สายสื่อกลางที่เป็นสายซึ่งใช้ในการเชื่อมโยงโดยอุปกรณ์ในระยะทางที่ห่างกันไม่มากนัก
1) สายคู่บิดเกลียว(twisted pair)สายนำสัญญาณแบบนี้แต่ละคู่สายที่เป็นสายทองแดงจะถูกพันบิดเป็นเกลียว เพื่อลดการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากคู่สายข้างเคียงภายในสายเดียวกันหรือจาภายนอกมีอยู่2ชนิด
     -สายคู่บิดเกลียวชนิดหุ้มฉนวน (Shielded Twisted Pair : STP) เป็นสายคู่บิดเกลียวที่หุ้มด้วยลวดถักชั้นนอกที่หนาอีกชั้นเพื่อป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
                       ข้อดีของสาย                                                               ข้อเสียของสาย
  -เพื่อป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า              -มีราคาแพงกว่าสายไม่หุ้มฉนวน
  -ระยะทางจำกัด

 -สายคู่บิดเกลียวชนิดไม่หุ้มฉนวน (Unshielded Twisted Pair : UTP) เป็นสายคู่บิดเกลียวมีฉนวนชั้นนอกที่บางอีกราคาถูกละป้องกันสัญญาณรบกวนได้น้อยกว่าชนิดหุ้มฉนวน
              ข้อดีของสาย                                                         ข้อเสียของสาย
-มีราคาที่ถูกกว่าสายหุ้มฉนวน                    -ถูกรบกวนจากสัญญาณภายนอกได้ง่าย
                                                                   -ระยะทางจำกัด

    2)สายโคแอกเชียล (coaxial cable)

    เป็นตัวกลางเชื่อมโยงที่มีลักษณะเช่นเดียวกับสายที่ต่อจากเสาอากาศสายประกอบด้วยลวดทองแดงที่เป็นแกนหลักหนึ่งเส้นหุ้มด้วยฉนวนชั้นหนึ่งจากนั้นจะหุ้มด้วยตัวนำซิ่งทำจากลวดทองแดงถักส่วนที่เป็นแกนของสายทำหน้าที่นำสัญญาณข้อมูล ชั้นในจะเป็นชั้นที่ป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอกและเป็นสายดินไปในตัว

              ข้อดีของสาย                                                                        ข้อเสียของสาย
      -ราคาถูก                                                                        -ถูกรบกวนจากสัญญาณภายนอกได้ง่าย
     - มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน -ระยะทางจำกัดราคาแพง
     - ติดตั้งง่ายและมีน้ำหนักเบา
     -คุณภาพดีกว่าสายเกลียวคู่

3) Optical fiber หรือ ใยแก้วนำแสง
  เป็นแก้วหรือพลาสติกคุณภาพสูง ที่สามารถยืดหยุ่นโค้งงอได้ยแก้วนำแสงนั้นทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งแสงจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ด้วยความเร็วเกือบเท่าแสง เมื่อนำมาใช้ในการสื่อสารโทรคมนาคม ทำให้การส่ง-รับข้อมูลได้เร็วมากเนื่องจากแสงเป็นตัวนำส่งข้อมูล จึงทำให้สัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าภายนอก ไม่สามารถรบกวนความชัดเจนของข้อมูลได้

                         ข้อดีของสาย                                                  ข้อเสียของสาย
              - ส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง                                            - มีราคาแพง
         - ไม่มีการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า                                 - ต้องใช้ความชำนาญในการติดตั้ง

สื่อกลางส่งข้อมูลแบบไร้สาย
1) คลื่นวิทยุ (Radio Wave) การสื่อสารประเภทนี้จะใช้การส่งคลื่นไปในอากาศ เพื่อส่งไปยังเครื่องรับวิทยุโดยรวมกับคลื่นเสียงมีความถี่เสียงที่เป็นรูป แบบของคลื่นไฟฟ้า ดังนั้นการส่งวิทยุกระจายเสียงจึงไม่ต้องใช้สายส่งข้อมูล และยังสามารถส่งคลื่นสัญญาณไปได้ระยะไกล

                  ข้อดี                                                                           ข้อเสีย
-สามารถส่งข้อมูลได้แบบไร้สายสร้างเครือข่ายได้กว้างไกล   -คลื่นวิทยุอาจถูกรบกวนได้ด้วย                                                                                                                     คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสภาพภูมิอากาศ

2) สัญญาณไมโครเวฟ (Microwave) เป็นสื่อกลางในการสื่อสารที่มีความเร็วสูง ส่งข้อมูลโดยอาศัยสัญญาณไมโครเวฟ ซึ่งเป็นสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปในอากาศพร้อมกับข้อมูลที่ต้องการส่ง และจะต้องมีสถานีที่ทำหน้าที่ส่งและรับข้อมูล และเนื่องจากสัญญาณไมโครเวฟจะเดินทางเป็นเส้นตรง ไม่สามารถเลี้ยวหรือโค้งตามขอบโลกที่มีความโค้งได้ จึงต้องมีการตั้งสถานีรับ - ส่งข้อมูลเป็นระยะๆ

                                         ข้อดี                                                                  ข้อเสีย

-นิยมใช้ในเครือข่ายไม่ไกลนัก                         -การส่งสัญญาณถูกรบกวนได้ง่ายจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

-ติดตั้งได้ง่าย                                                                          จากสภาพภูมิอากาศ

3)แสงอินฟราเรด (Infrared) รังสีอินฟราเรด หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า คลื่นความถี่สั้น (Millimeter waves)ซึ่งจะมีย่านความถี่คาบเกี่ยวกับย่านความถี่ของคลื่นไมโครเวฟอยู่บ้าง วัตถุร้อน จะแผ่รังสีอินฟราเรดที่มีความยาวคลื่นสั้นกว่า 10-4 เมตรออกมาคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่อยู่ในช่วง 1011 – 1014 เฮิรตซ์ หรือความยาวคลื่น 10-3 – 10-6 เมตร

                                 ข้อดี                                                                ข้อเสีย

-มีความปลอดภัยในการส่งข้อมูลดีกว่าคลื่นวิทยุ                -ไม่สามารถผ่านวัตถุทึบแสงได้

4)ดาวเทียม (satilite)  วัตถุประสงค์ในการสร้างดาวเทียมเพื่อเป็นสถานีรับ - ส่งสัญญาณไมโครเวฟบนอวกาศ และทวนสัญญาณในแนวโคจรของโลก ในการส่งสัญญาณดาวเทียมจะต้องมีสถานีภาคพื้นดินคอยทำหน้าที่รับ และส่งสัญญาณขึ้นไปบนดาวเทียมที่โคจรอยู่สูงจากพื้นโลก 22,300 ไมล์ โดยดาวเทียมเหล่านั้น จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เท่ากับการหมุนของโลก

                  ข้อดี                                                                     ข้อเสีย

-ส่งสัญญาณไปทุกจุดของโลกได้                             -อาจถูกกระทบเพราะสภาพอากาศ

                                                                                             

5)บลูทูธ (Bluetooth) ระบบสื่อสารของอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคแบบสองทาง ด้วยคลื่นวิทยุระยะสั้นโดยปราศจากการใช้สายเคเบิ้ล หรือ สายสัญญาณเชื่อมต่อ และไม่จำเป็นจะต้องใช้การเดินทางแบบเส้นตรงเหมือนกับอินฟราเรด ซึ่งถือว่าเพิ่มความสะดวกมากกว่าการเชื่อมต่อแบบอินฟราเรด ที่ใช้ในการเชื่อมต่อระหว่างโทรศัพท์มือถือ

                                   ข้อดี                                                                      ข้อเสีย

- คลื่นความถี่สามารถส่งผ่านวัตถุหรือสิ่งกีด ขวางได้          - ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลจะลดลงเมื่อมี                                                                                              การเชื่อมต่อกันหลายๆ จุด

คำถามท้ายบทที่1

1. จงอธิบายระหว่างความแตกต่างการสื่อสารโทรศัพท์แบบทั่วไปกับแบบ VOIP และบอกถึง           ข้อดี ข้อเสียของระบบ VOIP

     ตอบ   *ข้อดีของระบบ VOIP 

                 - ลดค่าใช้จ่าย                      

                 - เพิ่มความยืดหยุ่นในการติดต่อสื่อสาร 

                 - จัดการระบบเครือข่ายได้ง่ายขึ้น

                 - รองรับการขยายตัวของระบบ

                 - พัฒนาร่วมกับการสื่อสารไร้สายได้
    *ข้อเสียของระบบ VOLP
        - หากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตล่มระบบโทรศัพท์จะล่มด้วย

2. จงอธิบายความหมายของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
    ตอบ คอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์กเครือข่ายการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สอง เครื่องขึ้น ไปสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในเครือ ข่ายจะใช้ สื่อที่เป็นสายเคเบิลหรือสื่อไร้สาย เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่รู้จักกันดีคืออินเทอร์เน็ตการ เชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงเข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้
3. จงบอกประโยชน์ของระบบเครือข่าย
     ตอบ - การแลกเปลี่ยนข้อมูลทำได้ง่าย
- ใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ เพราะอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายนั้นถือเป็น
- ทรัพยากรส่วนกลาง
- ใช้โปรแกรมร่วมกันได้
- ติดต่อสื่อสารได้สะดวกและรวดเร็ว

4. เครือข่ายคอมพิวเตอร์มี่กี่ประเภทอะไรบ้าง
ตอบ   4ประเภทคือ
          - เครือข่ายส่วนบุคคล
          - เครือข่ายเฉพาะที่
          - เครือข่ายนครหลวง หรือแมน
          - เครือข่ายวงกว้าง หรือแวน

5. จงสรุปหลักการทำงานของแต่ละลำดับขั้นบนแบบจำลอง OSI
    ตอบ มี7ขั้น
            7.ชั้นสื่อสารการประยุกต์
            6.ชั้นสื่อสารการนำเสนอข้อมูล
            5.ชั้นสื่อสารควบคุมหน้าต่างสื่อสาร
            4.ชั้นสื่อสารเพื่อนำส่งข้อมูล

            3.ชั้นสื่อสารควบคุมเครือข่าย

            2.ชั้นสื่อสารเชื่อมต่อข้อมูล

           1.ชั้นสื่อสารทางกายภาพ

บทที่1 เครือข่ายการสื่อสาร

      เครื่อข่ายข้อมูลคือ?

เครือข่าย หมายถึง คอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์กเครือข่ายการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไปสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ตในเครือข่ายจะใช้สื่อที่เป็นสายเคเบิลหรือสื่อไร้สาย เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่รู้จักกันดีคือ อินเทอร์เน็ตการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงเข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้ 

• เครือข่ายคอมพิวเตอร์แบ่งออกตามการเชื่อมโยงได้เป็น 4 ชนิด
• เครือข่ายส่วนบุคคล หรือ แพน (Personal Area Network : PAN)เป็นเครือข่ายที่ใช่ส่วบุคคล ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อแบบไร้สายในระยะใกล้โดยมีระยะทางไม่เกิน 1เมตร                                                                     

             

• เครือข่ายเฉพาะที่ หรือ (Local Area Network : LAN)เครือข่ายขนาดเล็กซึ่งเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสารที่อยู่ในท้องถิ่นระยะทางไม่ไกลมากนักโดยคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะต่อเข้ากับอุปกรณ์เครือข่าย เช่น ฮับ สวิตช์ เป็นต้น ซึ่งอุปกรณ์เครือข่ายแต่ละตัวจะเชื่อมต่อกันโดยใช้สายตีเกลียวคู่ สายใยแก้วนำแสงหรือคลื่นวิทยุ และเครือข่ายแลนจะเชื่อมต่อถึงกันด้วยอุปกรณ์จัดเส้นทาง (router) เครือข่ายแลนมีเครือข่ายขนาดเล็กตั้งแต่2เครื่องขึ้นไปและเชื่โยง

 

• เครือข่ายนครหลวง หรือแมน (Metropolitan Area Network : MAN)เป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงแลนที่อยู่ห่างกันโดยมีลักษณะการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ที่มีระห่างไกลกันในช่วง 40กิโลเมตร

• เครือข่ายวงกว้าง หรือแวน (Wide Area Network : WAN)เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ในระยะห่างไกล มีการติดต่อสื่อสารกันในบริเวณกว้าง

ระบบ VOLP คือ?

      วอยซ์โอเวอร์ไอพี หรือ (Voice over IP: VoIP) หมายถึง การสื่อสารทางเสียงผ่านอินเทอร์เน็ตเป็เทคโนโลยีใหม่สำหรับการโทรศัพท์ผ่านทางเครือข่าย Internetซึ่งมีข้อดีอันดับแรก ๆ ที่เห็นได้ชัดก็คือ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการโทรได้ ไม่ว่าจะเป็นการโทรภายในประเทศ หรือการโทรระหว่างประเทศก็ตาม เพราะการโทรศัพท์ผ่านทางระบบ Internet นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานผ่านทางชุมสายโทรศัพท์ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายของส่วนที่ให้บริการด้วย
       ข้อดี                                                  ข้อเสีย
- ลดค่าใช้จ่าย                          - หากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตล่มระบบโทรศัพท์จะล่มด้วย

- เพิ่มความยืดหยุ่นในการติดต่อสื่อสาร -

- จัดการระบบเครือข่ายได้ง่ายขึ้น

- รองรับการขยายตัวของระบบ

- พัฒนาร่วมกับการสื่อสารไร้สายได้

ส่วนประกอบของระบบสื่อสารข้อมูล

• ผู้ส่งหรืออุปกรณ์ส่งข้อมูล (Sender) เป็นแหล่งต้นทางของการสื่อสาร 
• ผู้รับหรืออุปกรณ์รับข้อมูล (Receiver) เป็นแหล่งปลายทางของการสื่อสาร หรือเป็นอุปกรณ์สำหรับข้อมูลที่จะนำข้อมูลนั้นไปใช้ดำเนินการต่อไป 
• ข่าวสาร (Massage) เป็นตัวเนื้อหาของข้อมูล 

สื่อกลางหรือตัวกลางในการนำส่งข้อมูล (Medium) เป็นสื่อหรือช่องทางที่ใช้ในการนำข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทาง สื่อกลางในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ ได้แก่ 

-สื่อกลางประเภทมีสาย
- สื่อกลางประเภทไร้สาย

ประโยชน์ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์

• การแลกเปลี่ยนข้อมูลทำได้ง่าย การแลกเปลี่ยนข้อมูลในที่นี้ หมายถึงการที่ผู้ใช้ในเครือข่าย สามารถที่จะดึงข้อมูล จากส่วนกลาง หรือข้อมูลจากผู้ใช้คนอื่นมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว 
• ใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ เพราะอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายนั้นถือเป็นทรัพยากรส่วนกลาง ที่ผู้ใช้ในเครือข่ายทุกคนสามารถใช้ได้โดยการสั่งงานจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของตัวเองผ่านเครือข่ายไปยังอุปกรณ์นั้น ๆ 
• ใช้โปรแกรมร่วมกันได้ ผู้ใช้ในเครือข่ายสามารถที่จะใช้โปรแกรมจากเครื่องคอมพิวเตอร์เ ซิร์ฟเวอร์ส่วนกลาง โดยไม่จำเป็นจะต้องจัดซื้อโปรแกรม 
• ติดต่อสื่อสารได้สะดวกและรวดเร็ว เครือข่ายนับว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร และแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเพื่อนร่วมงานได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกันก็ตาม

แบบจำลอง OSI

แบบจำลองโอเอสไอ (อังกฤษ: Open Systems Interconnection model: OSI model) (ISO/IEC 7498-1) เป็นรูปแบบความคิดที่พรรณนาถึงคุณสมบัติพิเศษและมาตรฐานการทำงานภายในของระบบการสื่อสารโดยแบ่งเป็นชั้นนามธรรมและโพรโทคอลของระบบคอมพิวเตอร์ พัฒนาขึ้นโดยองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (ISO)

หลักการทำงานของแต่ละลำดับขั้นบนแบบจำลอง OSI

    7.ชั้นสื่อสารการประยุกต์

          6.ชั้นสื่อสารการนำเสนอข้อมูล

              5.ชั้นสื่อสารควบคุมหน้าต่างสื่อสาร

      4.ชั้นสื่อสารเพื่อนำส่งข้อมูล

       3.ชั้นสื่อสารควบคุมเครือข่าย

    2.ชั้นสื่อสารเชื่อมต่อข้อมูล

  1.ชั้นสื่อสารทางกายภาพ